วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Ball mill / เครื่องบดแบบลูกบอล หรือบอลมิลล์

นิยาม
บอลมิลล์ (ball mill) หรืออาจเรียกว่า เครื่องบดแบบลูกบอล เป็นเครื่องมือลดขนาด (size reduction) ที่ใช้บดของแข็งชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยภาชนะปิด หรือหม้อบด (shell liner) หมุนอย่างช้าๆ ในแนวนอน ภายในมีลูกบด เป็นบอลโลหะ การบดเกิดจากการกระแทกของลูกบอลกับวัสดุที่ต้องการบด เมื่อหม้อบดเริ่มหมุน ตัวลูกบดจะเคลื่อนที่ขึ้นไปตามผนังของหม้อบด จนถึงจุดจุดหนึ่งแล้วจะตกลงมา การบดจะเกิดจากแรง 2 แรงด้วยกัน คือ
➽แรงเหวี่ยง (centrifugal force) ซึ่งจะทำให้วัสดุและลูกบด กลิ้งตัวเกาะติดกับผนังหม้อบด รวมกับแรงดึงดูดของโลกจะทำให้ตกลงมาตรงส่วนล่างของหม้อบด ซึ่งจะทำให้เกิดแรงกระแทก (shear impact)
➽การกระแทกกันของลูกบดภายในหม้อบด
Ball Mill ที่ใช้สำหรับบดวัตถุดิบให้มีความละเอียดนั้นสามารถแบ่งอย่างกว้างๆได้เป็นสองประเภทคือ แบบ Batch Mill และแบบ Continuous Mill
lBatch mill เป็นการบดโดยใช้ Ball mill โดยการเติมวัตถุ และ Medium เช่น น้ำ, อัลกอฮอล์, โพลีเอธิลีน และ Additive ต่าง ๆ เช่น ตัวช่วยการกระจายลอยตัว (Deflocculant) ลงไปใน Ball Mill แล้วทำการปิดฝา Ball Mill และจึงเริ่มดำเนินการบด จนกระทั่งได้ความละเอียดหรือเวลาตามที่ต้องการจึงทำการถ่ายน้ำสลิป ออกมา ซึ่งเป็นการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง การบดแบบ Batch Millนี้ สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงก็คือ คุณภาพของน้ำสลิป หรือสีเคลือบที่สม่ำเสมอในแต่ละ batch, ต้นทุนในการผลิตและ ประสิทธิภาพในการบด
การบดโดยใช้ Batch Mill นั้น สามารถบดได้ทั้งแบบแห้ง และแบบเปียก โดยวัตถุดิบที่ต้องการบดนั้น สามารถบดแยกส่วนระหว่างพวกวัตถุดิบที่มีความแข็งมาก (Hard Material) อย่างเดียว โดยมีการเติมดินลงไปบางส่วน เพื่อช่วยในการกระจายลอยตัว แล้วจึงนำสลิปที่ได้ไปผสมรวมกันกับพวกวัตถุดิบที่ไม่แข็ง แต่มีการจับตัวกันอย่างอ่อนๆ (Soft Material) ให้ครบสูตรต่อไป

สำหรับในการบดแห้งโดยใช้ Ball Mill นั้น มักจะเป็นการบดวัตถุดิบ เช่น หินปูน (Limestone), หินฟ้าม้า (Feldspar) ทรายหรือควอทซ์ (SiO2) เป็นต้น เพื่อให้มีความละเอียดสูง สำหรับนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในเนื้อดิน หรือในน้ำยาเคลือบ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องไปบดเพิ่ม หรืออาจมีการบดบ้าง เพื่อให้วัตถุดิบต่างๆ เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ในการบดแห้งนั้นจำเป็นต้องใช้ลมเป็นตัวช่วยพาวัตถุดิบที่บดละเอียดแล้วออกมาจาก Ball Mill

ในการบดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีนั้น มีปัจจัยที่จะต้องควบคุมดังต่อไปนี้
1. ปริมาณของลูกบดที่ใช้ในหม้อบด
2. ขนาดของลูกบดและสัดส่วนในแต่ละขนาดที่เติมลงในหม้อบด
3. ชนิดของลูกบด (Type of Grinding Media)
4. ชนิดของตัวกรุหม้อบด (Liner) 
5. ความเร็วในการหมุนของหม้อบด (Critical Speed)
6. ปริมาณของวัตถุดิบที่เติมและปริมาณของ Medium ที่เติม
7. ความสม่ำเสมอของวัตถุดิบ และความแข็ง (Hardness) ของวัตถุดิบ 
8. ความละเอียดของวัตถุดิบ
9. ความหนืด (Viscosity) และความหนาแน่น (Density) ของน้ำดินหรือสีเคลือบ
10. ปริมาณการเติม Deflocculant และชนิดของ Deflocculant
11. วิธีการเติมวัตถุดิบและตัวช่วยปรับปรุงคุณภาพ (Additive)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น